ฟุตบอลลีกสูงสุดของไทยกลับมาทำการฟาดแข้งอีกครั้งในฤดูกาล 2019 และไทยลีกได้เปิดโอกาสให้สามารถใช้งานนักเตะอาเซียนลงสนามได้ถึง 3 คน ทำให้เราได้เห็นการเสริมทัพพ่อค้าแข้งจากเพื่อนบ้านที่จะกลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีม และนี่คือดาวเตะจากภูมิภาคอาเซียนที่น่าจับตา
1.ดังวานลัม (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ฤดูกาลที่ผ่านมากิเลนผยองไม่ได้ใช้งานนักเตะในโควตาอาเซียน แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขาจะมีดาวเตะจากเพื่อนบ้านอย่างน้อย 2 คนในทีมแน่นอน หลังจากที่เปิดตัว อ่องธู จากโปลิศ เทโร ไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดได้เปิดตัว ดังวานลัม นายทวารลูกครึ่งรัสเซียมือหนึ่งทีมชาติเวียดนาม ที่เพิ่งฝากผลงานสุดยอดช่วยให้ทัพดาวทองผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกเอเชียนคัพ จากสโมสรไฮฟอง ในวีลีกด้วยค่าตัวกว่า 16 ล้านบาท มาร่วมทัพ เพื่อแก้ปัญหาในตำแหน่งด่านสุดท้ายที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ได้ทิ้งเอาไว้หลังโยกไปตามฝันค้าแข้งในยุโรปกับ โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยี่ยม รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสร เชื่อมั่นว่าการทุ่มเงินในครั้งนี้จะได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
2.สุขพร วงศ์เชียงคำ (ชัยนาท ฮอร์นบิล)
เขาในเจ้าของฉายา “เมสซี่ลาว” ที่แฟนบอลชาวไทยอาจจะคุ้นตาหน้าของเขาเป็นอย่างดี เขาคือผลผลิตจากชุดเยาวชนของบีอีซี เทโรศาสน เพื่อนร่วมรุ่นของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ นั้นเอง เคยค้าแข้งในลีกรองของไทยมาแล้วหลายทีม ไม่ว่าจะเป็นทีม กระบี่เอฟซี พิษณุโลกเอฟซี สระบุรีเอฟซี และในฤุดูกาลล่าสุดค้าแข้งกับ ศรีสะเกษเอฟซี ก่อนจะได้รับโอกาสมาอวดฝีเท้าบนลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก
ด้วยวัยเพียง 26 ปี แม้ว่าจะเป็นนักเตะที่รูปร่างเล็ก แต่ทดแทนด้วยทักษะ และมีลูกยิงไกลที่หวังผลได้ ยอมรับว่าการได้เล่นในลีกสูงสุดของไทยคือความยิ่งใหญ่และพร้อมใช้ประสบการณ์ทั้งหมดช่วยทีมนกใหญ่พิฆาต
3.ไบฮัคกี ไคซาน (ตราด เอฟซี)
ก่อนหน้านี้ดาวเตะทีมชาติสิงคโปร์มีข่าวว่าได้ย้ายมาอยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายไปเปิดตัวเล่นกับ อุดร เอฟซี ในลีกรอง ทำให้ยังไม่ได้โชว์ตัวในลีกสูงสุดของไทย แต่ในฤดูกาล 2019 แฟนบอลจะได้เห็นลีลาของดาวเตะจอมเก๋าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในสมรภูมิค้าแข้งหลายลีกในอาเซียน ทั้งในแดนลอดช่องบ้านเกิด หรือในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย นี่คือครั้งแรกบนลีกสูงสุดของไทยในวัย 35 ปี
4.ซอมินตุน (ชลบุรี เอฟซี)
ฤดูกาลที่ผ่านมา อ่องธู สร้างปรากฏการณ์แม่เหล็กดึงดูดแฟนบอลจากเมียนมาให้กลายมาเป็นแฟนบอลของโปลิศ เทโร ในฤดูกาลนี้เชื่อว่าซอมินตุน ปราการหลังกัปตันทีมชาติเมียนมา นอกจากจะช่วยงาน “ฉลามชล” ในสนามซึ่งเป็นหน้าที่อย่างแรก แนวรุกดีกรีทีมชาติเมียนมาอีกคนที่น่าจะทำให้บรรยากาศที่สนามชลบุรี สเตเดี้ยม คึกคักกว่าที่เคย การดึงดูดให้แฟนบอลชาวเมียนมาที่ทำงานอยู่ในบริเวณพื้นที่ จ.ชลบุรี และใกล้เคียงเข้ามาสร้างสีสันในสนามเพื่อให้กำลังใจนักเตะขวัญใจของพวกเขา ถือว่าเป็นผลประโยชน์อย่างดีเลยทีเดียว
5.สเตฟาน ปัลลา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ฤดูกาลนี้ “ปราสาทสายฟ้า” ได้ตัว เจริง พลรถ ดาวเตะทีมชาติกัมพูชามาร่วมทัพ และยังได้ตัว สเตฟาน ปัลลา กองหลังลูกครึ่งฟิลิปปินส์-ออสเตรีย ที่มีประสบการณ์ค้าแข้งในยุโรป รวมไปถึงเคยติดทีมชาติออสเตรียชุดเยาวชนมาเสริมทัพทางกราบซ้าย อดีตแข้งเอสเคเอ็น ซังค์ พอลเทน และโวล์ฟสเบอร์เกอร์ ผ่านประสบการณ์เล่นในลีกสูงสุดของ ออสเตรียมาไม่น้อย ได้โอกาสลงฝึกซ้อมและได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่อง เป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้วที่จะโชว์ฝีเท้าให้แฟนบอลไทยได้ประจักษ์
may March 30th, 2019
Posted In: บทความ
เรามาดูกันว่าก่อนหน้านี้ 10 จุดความแตกต่างระหว่าง ฟุตบอลลีคของไทย กับของเวียดนาม มีอะไรที่แตกต่างกันออกไปบ้าง?
1. เรียนรู้ต้นแบบจากพรีเมียร์ลีก
ก่อนปี 2007 ฟุตบอลไทยตกต่ำไปมาก ผู้เล่นที่มีคุณภาพลดลง ขณะที่บอลลีกในประเทศเองก็ไม่ได้รับความสนใจและหยุดอยู่กับที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ได้ตัดสินใจนำรูปแบบวิธีการของอังกฤษมาใช้กับลีกอาชีพของประเทศนี้ โดยได้รับคำแนะนำจาก เซอร์ เดฟ ริชาร์ด – อดีตประธานพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
2. แต่ละสโมสรมีสนามเป็นของตัวเอง
หนึ่งสิ่งที่สโมสรในประเทศไทยจำเป็นต้องมีคือ สนามของตัวเอง ไม่ต้องมีขนาดความจุที่ใหญ่เกินไป แต่เพียงแค่พอตอบสนองความต้องการของการจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณภาพของพื้นผิวสนามหญ้าที่ดี การมีสนามเป็นของตนเองจะช่วยให้สะดวกในการสร้างรายได้ให้สโมสรจากการขายตั๋วและของที่ระลึก บางสโมสรสร้างสนามที่มีรูปแบบคล้ายสโมสรอังกฤษ เช่น ปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์สร้างสนามรูปแบบเดียวกับ สแตมฟอร์ดบริดจ์ (เชลซี), เมืองทองยูไนเต็ดสนามคล้ายกับ โอลด์ ทรัฟฟอร์ด ของแมนยู
ในเวียดนามสนามที่ใช้เป็นของท้องถิ่น สโมสรไม่ได้รับสิทธิในการจัดการ ทำให้แหล่งที่มาของรายได้ไม่แน่นอน สิ่งอำนวยความสะดวกของบางสนามยังค่อนข้างขาดแคลน คุณภาพของสนามหญ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบพื้นที่ภาคเหนือนั้นแย่มาก สามารถทำให้ผู้เล่นได้รับบาดเจ็บได้ง่าย
3. ทำเงินได้มากจากลิขสิทธิ์โทรทัศน์
ควบคู่กับตั๋ว ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทำให้เกิดรายได้ขั้นพื้นฐานของสโมสรอาชีพ ประเทศไทยทำได้ดีมาก พวกเขาจัดการแข่งขันให้ตรงกับช่วงไพรม์ไทม์ (ช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุด) จาก 18:00น. – 20:00 น.
ค่าลิขสิทธิ์โทรทัศน์เพิ่มขึ้นจาก 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ระยะปี 2011 – 2013) เป็น 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระยะต่อมา เมื่อเร็วๆนี้ ทรูวิชั่นได้ทำสัญญาใหม่มูลค่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายเวลาไปอีก 5 ปี ฤดูกาล 2016 – 2020
ตรงกันข้าม เงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางทีวีของ V.League มีตัวเลขเป็น 0 โดยบริษัท Viet Nam Professional Football (VPF) ยังไม่ได้รับเงินจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เป็นประจำทุกปีสโมสรใน V.League จะได้รับการสนับสนุนเงิน จากผู้ประกอบการที่สนับสนุนจ่ายให้กับ VPF ในการแลกเปลี่ยนกับเวลา 15 นาทีต่อแมตช์ สำหรับโฆษณาต่างๆของพวกเขาผ่านทางโทรทัศน์
4.นักเตะไทยได้รับการทำประกัน
1 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกันภัยที่มีชื่อเสียงอย่าง บริษัท เอไอเอ ได้ลงนามในสัญญามูลค่า 380 ล้านบาท (12.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมถึงเงินประกันและการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับผู้เล่นทั้ง 34 ทีม สิ่งนี้จะช่วยให้นักเตะเล่นด้วยความมั่นใจที่จะทุ่มเทให้กับสโมสรอย่างเต็มที่
ตรงกันข้ามกับ V.League ยังไม่มี บริษัทประกันภัยไหนที่ร่วมมือกับสโมสร แม้ว่าระดับของความรุนแรง จะมีความเสี่ยงสูงกว่าในประเทศไทย ดังนั้นเมื่อผู้เล่นได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออุบัติ พวกเขาจะต้องพบกับค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการรักษา โดยที่ไม่มีอนาคตที่แน่นอน ถ้าหากสโมสรไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย
5. ผู้ให้การสนับสนุนต้องการทำสัญญาระยะยาวกับไทย
ไทยพรีเมียร์ลีกและ V.League ในปัจจุบัน ผู้ให้การสนับสนุนหลักคือ โตโยต้า แต่ระดับของความเชื่อมั่นและความร่วมมือในการสนับสนุนแตกต่างกันมาก คู่ค้ารายใหม่จากญี่ปุ่นกับ V.League ในฤดูกาล2015 จำนวนเงินประมาณ 47 ล้านบาท/ปี ในขั้นต้นของความร่วมมือมีระยะเวลาหนึ่งปี
อย่างไรก็ตามบริษัทได้สนับสนุนลีกอันดับหนึ่งของประเทศไทยในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากฤดูกาล 2013 – 2015 พวกเขาได้รับเงินสนับสนุน 200 ล้านบาท สำหรับการแข่งขัน แต่ไม่ได้จบเพียงแค่ฤดูกาล 2015 เท่านั้น ความร่วมมือครั้งนี้ได้รับการขยายสัญญาไปจนถึงฤดูกาล 2018 เป็นจำนวนเงินถึง 300 ล้านบาท
6. สโมสรปฏิเสธสินค้าลอกเลียนแบบ
สโมสรในไทยพรีเมียร์ลีกมีสปอนเซอร์เครื่องแต่งกายที่มีชื่อเสียง (Nike, Grand Sport, Warrix, FBT, Kool, Pan, Ari) หรือผลิตเอง (อาร์มี่ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์, ชัยนาท และเชียงราย) คุณภาพของเสื้อทีมฟุตบอลเป็นสิ่งที่ทางสโมสรต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 6 แสน – 1 ล้านดอง (โดยมีราคาตั้งแต่ 900 – 1500 บาท)
เสื้อที่สโมสรใน V.League ใช้ยังเป็นแบรนด์มือสมัครเล่น เสื้อสโมสร Hanoi T&T ใน V.League หายากมากมีสปอนเซอร์เครื่องแต่งกายคือ Kappa สโมสร SLNA, Dong Thap ผลิตเสื้อเอง ในขณะที่สโมสรอื่นๆใช้ของลอกเลียนแบบโลโก้ Adidas หรือ Nike สโมสรฮองอันยาลายขายเสื้อดีที่สุดใน V.League แต่การจัดจำหน่ายและคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง
7.ความสัมพันธ์ที่ดีกับสโมสรในยุโรป
ประเทศไทยเคยมี Arsenal academy-JMG แต่ล้มเลิกไปแล้ว แต่คุณภาพของนักเตะเยาวชนของพวกเขาก็ดีมากเพราะมีการฝึกอบรมร่วมกับสโมสรยุโรป เช่น Everton, Reading, Leicester City… สโมสรอังกฤษที่มีอาคาเดมี่หรือการเปิดการฝึกอบรมในประเทศไทย ในทุกปีสโมสรที่มีชื่อเสียง เช่น Manchester United, Liverpool, Chelsea… มาทัวร์และนำไปสู่การแข่งขันที่มีคุณภาพ
ในเวียดนามไม่ได้มีความสัมพันธ์กับสโมสรใหญ่ในยุโรป HAGL-Arsenal academy-JMG มีโปรแกรมฝึกอบรมกับต่างชาติ สโมสรยุโรปได้มีการมาเยี่ยมชมเวียดนามแต่ก็ไม่สม่ำเสมอ
8.การมีสติของนักเตะ
ผู้เล่นไทยมีความตระหนักในการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเพราะมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์โดยตรง พวกเขามีสนามที่สวยงาม, ทุ่มเท่เพื่อเป็นไอดอลของแฟนบอล ขณะที่มีแฟนบอลมากขึ้นพวกเขาก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น เมื่อย้ายไปสโมสรอื่นก็จะมีแฟนบอลติดตามไปด้วย แฟนบอลไทยนิยมชมชอบความหล่อและทักษะการเล่นของนักเตะเป็นอย่างมาก
โดยผู้เล่นเวียดนามไม่ยังไม่ให้ความสำคัยกับเรื่องนี้มากนัก หลังจากแข่งขันเสร็จ ผู้เล่นเวียดนามบางคนไปบาร์ ทำให้ประชาชนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ โดยสโมสรในเวียดนามไม่มีแพทย์ที่ดูแลเกี่ยวกับโภชนาการ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อจิตสำนึกของผู้เล่น
9. สโมสรมุ่งเน้นไปที่แฟนบอลเสมอ
สโมสรส่วนใหญ่ได้ยินถึงความต้องการ คิดหาวิธีที่จะดึงดูดแฟนๆจำนวนมากไปที่สนาม สำหรับพวกเขาสนามและชัยชนะที่งดงามเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ตอบแทนแฟนบอล ดังนั้นสโมสรจะพยายามเก็บรักษาฐานแฟนบอลตลอดทั้งฤดูกาล
ใน V.League สโมสรส่วนมากไม่รู้จักสร้างภาพลักษณ์ แฟนบอลหันไปวิพากษ์วิจารณ์สโมสรมีให้เห็นไม่ยาก แฟนบอลบางส่วนหันหนีให้กับสโมสรที่ตนเองชอบเมื่อสโมสรพวกเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขัน
10. สมาคมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม (VFF) มีบุคคลกรอยู่ประมาณ 100 คน มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆอยู่ประมาณ 7 ไร่
อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่คอยควบคุมดูแลกีฬาฟุตบอลของประเทศเวียดนามนั้นกลับยิ่งดูมืดมนลงไปทุกที มุ่งเน้นที่การก่อสร้างลีกอาชีพจนไปถึงไปจ้างโค้ชให้กับทีมชาติ และไม่มีความสามัคคีกันในการเป็นผู้นำ
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง แม้กระทั่งประธานของพวกเขายังได้รับการลงโทษจากฟีฟ่า แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ทำงานเป็นอย่างดี ช่วยให้ฟุตบอลไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมาก พวกเขาโด่ดเด่นในย่านนี้ในฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง แม้กระทั่งฟุตซอล วกเขาทะเยอทะยานที่จะชิงตั๋วไปฟุตบอลโลกปี 2020, เจ้าภาพฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2013… พวกเขาทำทั้งหมดด้วยจำนวนคนเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับ VFF
may March 29th, 2019
Posted In: บทความ
ทำไมเวลาถามเรื่องฟุตบอล ถึงชอบตอบว่า “เคยดูบอลหรือเปล่า?” ทำไมคำนี้ถึงพูดใช้แสดงความเห็นแบบโดดๆ โดยไม่มีคำอธิบายอะไรในตัวมันเลย มักจะมีคำนี้ออกมาใน
ทางที่โต้แย้งหรือถกเถียงกัน วันนี้ลองมานิยามกันดูว่าคำนี้มีความหมาย และภาพรวมของมันไปในทางไหนได้บ้าง
1. เคยดูบอลหรือเปล่า : คือความหมายตรงๆ เลยว่าเคยดูบอลไหม ? ถามแบบ นิยามดีๆ (แต่นิยามแบบนี้มีน้อย)
2. ความเห็นต่างไม่เห็นด้วย : คือคนที่ถูกถามอาจแสดงความเห็นแล้วคนถามไม่เห็นด้วย อย่างแรงเลยถามแบบนั้นออกไปเพื่อเป็นการกระทบกระแทกโต้ตอบ
3. ดูบอลเป็นหรือเปล่า : คือบางครั้ง กติกาฟุตบอลมันมีมากและต้องทำความเข้าใจมากกว่าที่เห็น อย่างโดนทำฟาล์ว แต่กรรมการไม่เป่าเพราะเป็นลูกได้เปรียบแต่คุณโวยไปเพราะไม่รู้เรื่อง คุณอาจจะโดยเพื่อนถามกลับด้วยความรำคาญว่า ดูบอลเป็นรึเปล่า ?
4. คุณไม่เคยดูบอลสินะ : ถึงได้แสดงความเห็นแบบนี้ออกมา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าคนพูดนั้น รู้เรื่องจริงหรือไม่ เพราะถ้าคนพูด พูดในเหตุผลที่เหมาะสมแต่ไม่เข้าหูคนฟัง อันนี้ก็อยู่ที่วิจารณญาณของคนฟังเองที่จะตัดสิน ไม่มีใครผิด
5. คำตอบเท่ๆ : ตอบแบบกำปั้นทุบดินเท่ๆ แล้วไม่อธิบายต่อ เอาไว้ข่มผู้อื่น
6. เหยียดหยามดูถูก : ตามนั้น ทำเท่ดูถูก
7. คำถามเพื่อโชว์ภูมิไว้ข่มผู้อื่น : โชว์ภูมิว่าเอ้ย เอ็งดูบอลเป็นเปล่าวะ ไม่ได้เรื่องบลาๆๆๆ
8. ถ้าเคยดูจะไม่พูดแบบนี้ : คือคนพูดอาจจะพูดอะไรที่ไร้ซึ้งสาระมากจนทำให้คนฟังถามแบบนี้ออกมา เพราะที่พูดมาอาจไม่เข้าเรื่องเข้าราวอย่างแรง
may March 28th, 2019
Posted In: บทความ
ในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็กก็หันมาให้ความสนใจดู เกมกีฬาฟุตบอล กันมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสนใจ และหันมาดูบอลกันมากขึ้น โดยส่วนมากแล้วอย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า เกมกีฬาฟุตบอลนั้น มักจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชาย ซึ่งผู้ชายเหล่านั้นเดิมทีก็เล่นฟุตบอล และเตะฟุตบอลกันอยู่แล้ว และก็มักที่จะมีทีมที่ชอบหรือทีมโปรดเป็นทุนเดิมที่มักมีการเชียร์กันอยู่ตลอด และดูกันเป็นประจำ บางคนก็เอาแฟนไปดูด้วย บางคนก็เอาลูกไปดูด้วยจึงทำให้พวกเขาเหล่านั้นสัมผัสและชื่นชอบไปโดยปริยาย ซึ่งข้อดีของการดูบอลที่เหล่าคุณผู้ชายชื่นชอบเป็นนักเป็นหนานั้นมีดีอะไรบ้าง วันนี้เราจะคัดแต่ข้อที่เน้นๆ หลักๆ มาให้ได้ทราบกัน
ข้อดีหลักๆ การดูบอล
1.แน่นอนว่าในทุกวันนี้ลีกไทยมาแรงมากกว่าปีก่อนๆ ซึ่งส่วนนี้ทำให้เหล่าคอบอลทีมชาติไทยนั้นมีความรัก และเกิดความสามัคคีระหว่างชาติ หันมาให้ความสำคัญและเชียร์กันมากขึ้น
2.การดูบอลนั้นทำให้เหล่าคอบอลทุกท่านนั้นมีความเพลิดเพลิน และสนุกไปกับทุกครั้งที่มีเกมการแข่งขัน
3.การดูบอลไม่ว่านอกสนามหรือในสนาม สามารถที่สร้างความสามัคคี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้
4.ได้พบปะเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนทรรศนะคติระหว่างเกม
5.ได้ใช้สมองในการอ่านเกมว่าเล่นเป็นอย่างไรในการดูบอลแต่ละครั้ง
6.ทำให้คนหันมาให้ความสนใจในการเล่นกีฬามากขึ้น เพราะมีนักเตะเป็นแบบอย่าง
ซึ่งข้อดีของการดูบอลที่เราได้กล่าวมาข้างต้นนั้น หลายๆ ท่านอาจจะพอทราบกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่เราอยากที่จะมาย้ำกันให้ชัดๆ อีกครั้งว่าการดูบอลนั้นให้ประโยชน์กับเราหลายๆ ด้านไม่ใช่แค่เพียงด้านจิตใจ แต่ยังรวมไปถึงด้านร่างกายที่หากใครดูบอลแล้วเกิดอยากเอานักเตะเป็นแบบอย่างในการออกกำลังก็ยิ่งจะทำให้ให้มีประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะไม่ได้เพียงแค่การดูบอลเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถสร้างมิตรภาพที่ดี และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้อีกด้วย
may March 27th, 2019
Posted In: บทความ
กีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาโปรดของใครหลายคน และด้วยความเร็วของเกมกีฬาชนิดนี้ ในบางครั้งการตัดสินอาจไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสนาม หลายครั้งผลการตัดสินจากกรรมการเพียงอย่างเดียวอาจผิดพลาดได้ เป็นปัญหาถกเถียงกันหลังจบเกมการแข่งขันทั้งฝ่ายที่ได้และเสียประโยชน์ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมานั้น ทางสหพันธ์ฟุุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการตัดสินเพื่อให้เกมดำเนินไปอย่างถูกต้องที่สุด ได้แก่
1.EPTS หรือ ELECTRONIC PERFORMANCE & TRACKING SYSTEMS
ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Tablet ที่แจกจ่ายให้กับทุกๆ ทีม เป็นระบบติดตามผู้เล่นและลูกบอลในสนาม โดยระบบนี้สามารถแสดงผลข้อมูลแบบ Real time แสดงผลสมรรถภาพของผู้เล่นในสนามทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ และความเร็ว ทำให้ผู้ควบคุมทีมสามารถวางแผนการเล่นได้ดียิ่งขึ้น
2.GLT หรือ Goal-Line Technology
มีการประเดิมใช้เทคโนโลยีนี้ครั้งแรกในฟุตบอลโลกปี 2014 ที่จัดขึ้นที่ประเทศบราซิล บ่อยครั้งที่การทำประตูมักจะมีปัญหาว่าลูกฟุตบอลนั้นได้ข้ามผ่านเส้นประตูไปแล้วทั้งใบอย่างสมบูรณ์หรือไม่ หากลูกฟุตบอลข้ามผ่านเส้นประตูไปแล้วทั้งใบจะมีระบบแจ้งเตือนไปที่ผู้ตัดสินทันที ระบบนี้จะช่วยลดข้อกังขาในการทำประตูนั้น ๆ ได้อย่างดี
3.VAR หรือ VIDEO ASSISTANT REFEREES
ช่วยการตัดสินใจของกรรมการในสนามมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลูกโทษ การนับแต้ม และอื่นๆ โดยระบบนี้จะเก็บข้อมูลจากกล้องที่ตั้งอยู่รอบ ๆ สนามในจุดต่าง ๆ เพื่อจับภาพและเก็บบันทึกไว้ กรรมการสามารถขอดูข้อมูลได้ตลอดเกมเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาหรือเป็นหลักฐานกรณีที่มีการโต้แย้งหลังเกมได้
may March 26th, 2019
Posted In: บทความ
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องมีเด็กจูงมือนักเตะเข้าสนามฟุตบอล โดยทาง FIFA เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ ด้วยการ เอาเยาวชน เข้าไปให้ใกล้ชิด กีฬาของผู้ใหญ่ให้มากที่สุด และเพื่อต้องการจะกระตุ้นให้เห็นว่า ฟุตบอล เป็นกีฬาของ ครอบครัว สามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย ทำให้ กีฬาฟุตบอล เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง ที่สุดสัปดาห์ พ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้จูงลูกจูงหลาน เข้ามาดูได้ (เป็นการ PR ทางอ้อม ) เหมือนๆกับ ที่สุดสัปดาห์ พ่อแม่ก็จะพาลูกเข้าโรงหนัง สวนสัตว์ และอีกอื่นๆ ก็คือต้องการจะแทรก กีฬานี้ ให้เป็นความบันเทิงของทั้งครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักกีฬา ให้เป็นนักกีฬา เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน เพื่อเป็นผู้ใหญ่ ที่ดีในอนาคต
ในปัจจุบันผู้ปกครองสามรถปลูกฝังให้เด็กรักในกีฬาได้ หลากหลายประเภทอย่างปัจจุบันประเทศไทยของเรา ก็ได้มีลีกอาชีพ ไทยลีก ที่สร้างงานสร้างเงินให้กับนักกีฬาเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่น้อยไปกว่า ดารา นักแสดง สามารถเป็นไอดอลของเด็กๆ ได้
แล้วเด็กเหล่านั้นเป็นใครกัน ?
1.ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะมีการคัดเลือกเด็กที่ฐานะยากจน ที่ไม่มีโอกาสเข้าสนาม ไปสัมผัสบรรยกาศในสนาม โดยที่นักบอลจะเป็นคนพาลงไปสนามเอง
2.ปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นระดับสโมสร เด็กที่ลงมาจะเป็นลูกของสมาชิกที่ซื้อตั๋วปี หรือตั๋วชมการแข่งขันตลอดฤดูกาล
3. ถ้าเป็นทีมชาติในนัดกระชับมิตร ส่วนใหญ่จะให้เด็กที่เกิดมาป่วยด้วยโรคที่รักษายาก
4. ถ้าเป็นทัวร์นาเม้นแบบชิงถ้วย เป็นเด็กที่คัดเลือกมาจากโครงการของผู้สนับสนุนแม็ตช์การแข่งขันนั้นๆ
เรียกพวกเด็กนี้ว่า
“Lucky Boy” เป็นเด็กนำโชค/“เพลย์เยอร์ เอสคอร์ต (Player Escort)”
เหตุผลที่จูงเด็กลงสนามหลักๆ คือ
1. เด็กคือตัวแทนของความบริสุทธิ์ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เป็นสัญลักษณ์อันเรืองรองและสื่อความหมายของความโชคดี
2.จุดประกายให้เด็กๆ สนใจในเกมกีฬา เพื่อประโยชน์ด้านร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์
ดังนั้นเราจึงได้เห็นภาพของเยาวชนตัวน้อยๆ จูงมือนักเตะลงสนาม ด้วยสีหน้าและท่าทางแห่งความภาคภูมิใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะมีการคัดเลือกเด็กที่ฐานะยากจน ที่ไม่มีโอกาสเข้าสนาม ไปสัมผัสบรรยกาศในสนามโดยที่นักบอลจะเป็นคนพาลงไปสนามเอง
ปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นระดับสโมสร เด็กที่ลงมาจะเป็นลูกของสมาชิกที่ซื้อตั๋วปี หรือตั๋วชมการแข่งขันตลอดฤดูกาลถ้าเป็นทีมชาติส่วนใหญ่จะให้เด็กที่เกิดมาป่วยด้วยโรคที่รักษายาก เด็กเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า “Lucky Boy” เป็นเด็กนำโชค เพื่อให้ความสำคัญกับเด็ก สร้างแรงจูงใจด้านกีฬาให้เด็ก น่าจะเป็นการสร้างสีสันให้กับการเเข่งขันกีฬา สร้างคน สร้างชาติ เด็กๆ จะได้ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่โดยรวมๆ แล้วก็คงเป็นการปลูกฝังให้เด็กรักกีฬา ให้เป็นนักกีฬา เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน เพื่อเป็นผู้ใหญ่ ที่ดีในอนาคตต่อไป
may March 25th, 2019
Posted In: บทความ
ในโลกปัจจุบัน การรับชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ นั้น สามารถรับชมได้หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นจาก การดูผ่านจอทีวี ดูผ่านมือถือด้วยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การไปดูในสนาม เป็นต้น แล้ววันนี้เรามาดูกันว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายๆ คนอยากที่จะไปดูฟุตบอลถึงขอบสนามกัน
1.ได้บรรยากาศในการเชียร์แบบสมจริง
แน่นอนว่าการได้เชียร์แบบชิดติดขอบสนามนั้น สายตาจะจ้องเพ่งเล็งไปยังลูกบอลแบบเท้าต่อเท้า ไหนจะนักเตะคนโปรดที่วิ่งอยู่ในสนามอีก บอกได้เลยว่าไม่อยากให้เกมนั้นจบลงเลย ไหนจะเวลาทำประตูได้อีกเสียงโห่นี่ดังกึกก้องไปทั่วสนามเชียร์กันจนเจ็บคอเลยทีเดียว เจอบรรยากาศแบบนี้เข้าไปถึงกับนั่งไม่ติดที่กันเลยก็ว่าได้
2.รู้สกอร์ได้ทันที
หลายคนที่ดูผ่านจอก็สามารถทราบสกอร์หรือคะแนนได้จากทางโทรทัศน์ได้ แต่หากวันนั้นการแพร่ภาพเกิดขัดข้องล่ะ คงทำให้คุณหงุดหงิดเสียอารมณ์เป็นแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม่รู้เลยตอนนี้ในสนามทำอะไรกันอยู่ สกอร์อยู่ที่เท่าไร ยิ่งถ้าจำเป็นต้องยุติการแพร่ภาพสด มันทำให้คุณอดดูคู่สำคัญของคุณไปเลย
3.ได้เพื่อนร่วมเชียร์บอลใหม่ๆ
ยิ่งถ้าคุณเป็นคนชอบเข้าสังคม เป็นคนโลกกว้างบอกเลยว่าการไปดูบอลครั้งนี้ของคุณได้เพื่อนใหม่เพิ่มแน่ๆ ยิ่งถ้าชอบทีมเดียวกันด้วยแล้วหล่ะก็บอกเลยว่ามีคุยกันมันส์แน่นอน
4.ได้ท่องเที่ยวไปด้วย
นอกเหนือจากการได้มาชมฟุตบอลแล้ว คุณยังได้เที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศนั้นๆ ตลอดการเดินทางมาชมฟุตบอลของคุณอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นเกมนัดเยือนด้วยแล้ว นั่นคือการผ่อนคลายเสมือนการไปเที่ยวเลยนะ
5.ได้ดูหลายๆมุมในสนามแข่ง
ถ้าหากเราฟังหรือดูจากสื่อสารต่างๆ เราไม่สามารถเห็นในสนามได้อย่างชัดเจน โดยถ้ากล้องหันไปทางไหน คือเป็นการบังคับให้เราดูทางนั้น และแน่นอน อาจจะมีบ้างทำให้ผู้ชมพลาดโอกาสดี ๆ เช่น อาจจะพลาดช้อตเด็ดๆ จากนักเตะคนโปรดของเรา ถ้ากล้องไม่จับคน ๆ นั้นเราไม่สามารถรับรู้การเล่นหรือทักษะที่เขาแสดงออกมากนั้นได้เลย
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเชียร์กีฬาฟุตบอลทางไหนก็ตาม จะติดขอบสนาม จะทางหน้าจอทีวี หรือจะทางสื่อต่าง ๆ เราก็ควรที่จะมีมารยาทในการเชียร์ หรือการรับชมด้วย เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการมีปากเสียงทะเลาะวิวาทต่อกัน
may March 23rd, 2019
Posted In: บทความ
สำหรับสาวๆ หลายคนที่ชอบดูบอลอาจจะสงสัยหรือมีปัญหาที่น่ารำคาญใจ เวลาที่ได้นั่งดูบอลกับเพื่อนผู้ชายแล้วดูยังไงก็ไม่รู้เรื่องสักที ไม่ว่าจะเป็น ลูกทุ่ม เตะมุม ล้ำหน้า ใบเหลืองใบแดง แยะเยอะกันไปหมด วันนี้เราเลยมีศัพท์ที่ใช้พูดกันในสนามมาบอกให้กับสาวๆ ได้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น และจะได้คุยกับเค้ารู้เรื่องสักทีเนอะ
ลูกเตะมุม Corner
สำหรับการได้ลูกเตะมุมนั้นคือ เมื่อนักบอลฝั่งรับเตะหรือสัมผัสบอลจนออกเส้นหลังของตัวเองไปเองเช่น เตะออกหรือ สกัดลูกบอลจนออกเส้นหลังไปเอง เมื่อในทีมไหนได้ลูกเตะมุม กรรมการจะชี้ไปตรงที่มุมของสนามเพื่อให้นักบอลไปตั้งเตะจากจุดนั้น ในส่วนการเปิดเตะก็แล้วแต่แผนการเล่นของทีมเลยจ้า
ลูกทุ่ม Throw In
ลูกทุ่มคือ การที่ใช้ 2 มือจับลูกบอลขว้างเหนือศรีษะ จากตรงจุดที่เตะลูกบอลออกด้านข้างสนาม และเท้าก็ห้ามล้ำเส้น ไม่ยกเท้าขณะที่ขว้างบอลด้วยนะ
ลูกล้ำหน้า Offside
เป็นอิกคำที่สาวๆอาจจะงงกับคำว่า offside หรือเรียกว่า ล้ำหน้า นั้นเอง เกิดจากฝั่งบุกส่งบอลให้เพื่อนโดยที่ยืนอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าคนสุดท้ายของฝ่ายรับ ทำให้ลูกนั้นเป็นลูกล้ำหน้านั้นเอง
ลูกเตะจากประตู Goal-Kick
เกิดได้จากฝั่งตรงข้ามเป็นคนเตะออกหลังไปเอง หรือฝั่งตรงข้ามอาจจะทำเป็นประตูได้ ก็จะกลายเป็นการตั้งเตะจากผู้รักษาประตู ซึ่งจะมีขอบเขตที่สามารถวางบอลเตะออกมา แลยังเป็นวิธีการอย่างหนึ่งของการเริ่มเล่นใหม่นั้งเอง
ลูกฟรีคิก Feerkick
การเตะลูกฟรีคิกจะเกิดขึ้นต่อเมื่อผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำฟาวล์ โดยผู้เล่นจะต้องตั้งเตะจากจุดที่ทำฟาวล์ ยกเว้นบริเวณกรอบเขตโทษของแต่ละฝั่ง และฝ่ายตรงข้ามสมารถตั้งกำแพงป้องกันได้
ฟาวล์ Foul
เป็นคำได้ยินบ่อยๆในการแข่งกีฬาชนิดต่างๆ การทำฟาวล์คือการที่ผู้เล่นทำผิดกฏกติกาหรือไม่เหมาะสม เช่น การดึง การขัดขาผู้เล่น หรือสกัดใส่ตัวผู้เล่นแทนที่จะเป็นลูกบอล เมื่อกรรมเห็นก็จะเป่านกหวีดหยุดเวลาชั่วคราว และเข้าไปคุยกับนักเตะที่ทำฟาวล์ ซึ่งการลงโทษก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกรรมการ
แฮนด์บอล Handball
คือการทำฟาวล์โดยใช้มือหรือแขนสัมผัสลูกฟุตบอลทั้งเจตนาและไม่เจนตนา การสัมผัสฟุตบอลผู้รักษาประตูสามารถโดนได้คนเดียว โทษจะเท่ากับการฟาวล์ปกติ ถ้าตั้งใจโดนจะถูกใบเหลืองหรือแดงได้เลย
ใบเหลืองใบแดง Yellow Card / Red Card
ในการทำฟาวล์แต่ละครั้ง นอกจากจะมีการตักเตือนแล้วการให้ใบเหลืองใบแดงในแต่ละครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง หลายปัจจัยในแต่ละเหตุการณ์ รวมไปถึงดุลพินิจของกรรมการแต่ละคนด้วย
-โดยทั่วๆ ไปการได้รับเหลืองมักจะได้หลังจากที่กรรมการตักเตือนผู้เล่นมากกว่า 1-2 ครั้ง และถ้ายังทำฟาวล์ซ้ำอีก และกรรมการเห็นว่าบ่อยเกินไป จะทำการให้ใบเหลืองใบที่สอง ซึ่งจะเท่ากับใบแดงและยังต้องออกการสนามอีกด้วย
-ส่วนใบแดงจะ หมายถึงผู้เล่นที่ฟาวล์ในจังหวะที่รุนแรงและเกินกว่าที่จะให้คำตักเตือน กรรมการก็จะใช้สิทธิ์ในการให้ใบแดงกับผู้เล่นคนดังกล่าว และสั่งให้ผู้เล่นออกจากเกมการแข่งขันโดยทันที
ลูกจุดโทษ Penalty
คือการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นการทำแฮนด์บอล หรือ การฟาวล์แบบอื่นๆ ในการยิงจุดโทษนั้นจะให้ผู้เล่นยิงดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูโดยที่ผู้เล่นคนอื่นจะต้องอยู่บริเวณนอกเขตโทษ นอกจากนี้แล้วลูกจุดโทษ ยังนำมาใช้ในการตัดสินตอนท้ายแมตช์สำคัญ เช่น รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยต่างๆ เมื่อไม่มีทีมทำประตูได้หรือเสมอจะทำการยิงลูกที่จุดโทษโดยที่จะยิงกันทีมละ 5 ลูก ใครเข้ามากกว่าก็ชนะไป แต่ถ้าเกิน 5 ลูกแล้วยังเสมออยู่ก็จะยิงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผู้ชนะไปนั่นเอง
ทดเวลาบาดเจ็บ Injury Time
ในทุกครั้งที่มีการเป่านกหวีดเพื่อหยุดเกม ไม่ว่าจะมาจากการทำฟาวล์ หรือมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่จากในสนาม ในแต่ละครึ่งของการแข่งขันก็จะมีการชดเชยเวลาที่ถูกหยุดไป นั้นเรียกว่า การทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งเวลาในการทดในแต่ละครึ่งก็จะขึ้นอยู่กับกรรมการว่าควรจะทดเวลาเท่าไรนั้นเอง
may March 22nd, 2019
Posted In: บทความ
เข้าเทศกาลฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ คอลูกหนังทุกคนต้องติดตามนั่งเชียร์ทีมรักของตัวเอง แต่ด้วยเวลาการแข่งขันฟุตบอลแต่ละคู่ตรงกับช่วงกลางดึก บางคู่เกือบสว่าง หากอดหลับอดนอนติดต่อกันทุกวันสุขภาพคงจะพังแน่ๆ เราเลยมีคำแนะนำมาฝากคอบอล จะได้ดูฟุตบอลกันแบบไม่เป็นหมีแพนด้ากันอีกด้วย
1.ควรนอนผักผ่อนให้เพียงพอ
ถึงแม้ว่าเราจะบำรุงร่างกายดีอย่างไร แต่หากพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันหลายวัน สมองก็ย่อมเบลอ บางคนอาจมีอาการหลับใน มึนงง คิดอะไรไม่ออก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะความลับของการนอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่นอน แต่ขึ้นกับประสิทธิภาพของการนอน และการงีบหลับช่วงสั้นๆ สัก 20-30 นาทีในระหว่างวัน จะสามารถชดเชยการนอนในช่วงกลางคืนได้มากถึง 4 ชั่วโมงทีเดียว
2.ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนักเกินไป
เชียร์ทีมโปรดแข่งทั้งทีอาจจะมีฉลองกินบ้าง แถมยังบวกกับการนอนดึกสะสมเข้าไปด้วย เรียกได้เลยว่าเป็นการทำร้ายสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะการดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ ส่งผลให้หน้าแห้งโทรมหมองคล้ำได้
3.เลือกนอนหมอนสูงกว่าปกติเล็กน้อย
นี่คงเป็นอีกตัวช่วยนึงที่ดี ที่จะช่วยลดความบวมของถุงใต้ตาเนื่องจากการนอนดึก เพราะของเหลวที่จะไปคั้งอยู่ใต้ตาอาจจะไปได้น้อย แต่ก็ไม่ควรให้เกินระดับที่ทำให้เกิดอาการเมื่อยคอ ไม่นั้นเดี๋ยวจะทำให้นอนไม่สบาย
4.ทานผักผลไม้ให้มาก
เพียงแค่ทานผลไม้ก็สดชื่นขึ้นมาได้ ของพวกนี้มีพลังงานชีวิตมากจึงส่งต่อพลังงานนั้นให้ร่างกายเราได้มาก ยิ่งช่วงเวลาที่เราอดหลับอดนอน จะมีสารอนุมูลอิสระจำนวนมากเกิดขึ้นในร่างกาย การทานผักผลไม้ก็คือการเติมสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อให้มีพอสำหรับการจัดการกับสารอนุมูลอิสระนั่นเอง ยิ่งทานมากก็ยิ่งโทรมน้อย
5.บำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ
เมื่อไรที่เรานอนดึกหรืออดนอน ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ และเมื่อผิวเริ่มแห้งลงจะมีปัญหาผิวตามมามากมาย เช่น เป็นสิวง่าย แพ้ง่าย หน้าลอก เหี่ยวย่น เป็นต้น ดังนั้นเมื่อต้องดูบอลจนดึก สิ่งที่เราก็ต้องทำก็คือจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดเวลาจนกว่าจะใกล้เข้านอน เพื่อให้ร่างกายรับน้ำได้อย่างเพียงพอ และควรทาครีมบำรุงที่เน้นไปทางให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หรือจะเลือกใช้การแผ่นมาส์กหน้าก็ได้เหมือนกัน ตืนเช้ามารับรองได้ว่าผิวยังสดชื่นเปล่งปลั่งอยู่เหมือนเดิมแน่นอน
may March 21st, 2019
Posted In: บทความ
เป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดซื้อขายนักเตะค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะคว้านักเตะที่มีฝีเท้าเข้ามาร่วมทีมของตัวเอง มาดูว่ามีแข้งรายไหนบ้างที่ถูกซื้อด้วยค่าตัวสูงสุดในตลาดหน้าร้อนของปีนี้
1.คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (ย้ายจาก โมนาโก ไป ปารีส แซงต์ แชร์ก แมง)
นักเตะเพชรงามของวงการฟุตบอลชาวฝรั่งเศส ที่ย้ายจาก โมนาโก ไป ปารีส ที่จริงแล้ว เอ็มบั๊ปเป้ ย้ายมาอยู่กับเปแอสเชตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา ในสัญญายืมตัวพ่วงออปชั่นซื้อขาด โดยหลัจากจบซีซั่นที่แล้วทีมดังจากกรุงปารีสก็ไม่รอช้าที่จะคว้านักเตะในวัยเพียง 20 ปี คนนี้มาร่วมทีมอย่างถาวร ด้วยค่าตัวสูงถึง 180 ล้านยูโร
2.ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป บาร์เซโลน่า)
บอกก่อนเลยว่าพฤติกรรมของ คูตินโญ่ ในถิ่นแอนฟิลด์ไม่ค่อยทำให้แฟนบอลของลิเวอร์พูลพอใจสักเท่าไหร่ และเจ้าตัวยังออกมาให้สัมภาษณ์อีกว่าต้องการย้ายไปเล่นกับทีมในฝันอย่างบาร์เซโลน่า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกก็ตาม ซึ่งในตอนนี้แฟนบอลบาร์เซโลน่าก็ไม่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้สมกับค่าตัว 120 ล้านยูโร ที่เจ้าบุญทุ่มจ่ายไปสักเท่าไหร่
3.คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (ย้ายจาก เรอัล มาดริด ไป ยูเวนตุส)
กล่ยเป็นข่าวใหญ่ประจำปีเลยก็ว่าได้ เมื่อนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล ได้ตัดสินใจย้ายทีมจาก เรอัล มาดริด ไปค้าแข้งกับทีม ยุเวนตุส ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ ในค่าตัว 100 ล้านยูโร โดยเจ้าตัวเองก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้
4.เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก (ย้ายจาก เซาแธมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล)
เนื่องจากเมื่อช้าวงต้นของซีซั่นที่แล้ว ลิเวอร์พูล ได้พูดคุยเจรจากับ ฟานไดจ์ก โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาติจากทางต้นสักกัดของนักเตะ ทำให้ เซาแธมป์ตัน เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการกระทำครั้งนี้ แต่ในสุดท้าย หงส์แดง ก็สามารถคว้าตัวกองหลังชาวฮอนแลนด์รายนี้มาร่วมทีมได้ เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเป็นกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกปัจจุบัน ด้วยค่าตัว 84.5 ล้านยูโร
5.เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (ย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา ไป เชลซี)
หลังจากที่เชลซีได้ตัดสินใจปล่อยตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูตัวเก่งออกจากทีมไปให้กับ เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมต้องหาผู้รักษาประตูคนใหม่มาเสริมทัพ จนที่สุดพวกเขาก็คว้าตัว เกป้า มือกาววัย 24 ปี ชาวสเปนเข้ามาร่วมทีมในค่าตัวอยู่ที่ 80 ล้านยูโร กลายเป็นผู้รักษาประตูที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน
6.โธมัส เลอมาร์ (ย้ายจาก โมนาโก ไป แอตเลติโก้ มาดริด)
ในปีที่แล้ว เลอมาร์ ตกเป็นข่าวกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมในยุโรปไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล,บาเยิร์น มิวนิค,บาร์เซโลน่า,และอาร์เซน่อล แต่เจ้าตัวก็ยังตัดสินใจอยู่กับต้นสังกัดเดิมต่อไป จนในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แอตเลติโก้ มาดริด กลายเป็นทีมที่ได้ตัว เลอมาร์ ไปร่วมทัพในซีซั่นนี้ และเป็นทีมที่ไม่เคยตกเป็นข่าวกับนักเตะรายนี้เลย ด้วยค่าตัวราวๆ 70 ล้านยูโร
7.ริยาด มาห์เรซ (ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเคยมีกระแสข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการที่จะคว้าตัว มาห์เรซ ไปร่วมทีมด้วย และเจ้าตัวเองก็ต้องการที่จะย้ายเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะไปอยู่ในทีมที่ใหญ่กว่า เพื่อความสำเร็จในการค้าแข้งจนถึงขั้นว่าเจ้าตัวไม่กลับไปซ้อมกับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่ปัญหาจะคลี่คลาย แต่สุดท้ายในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรือใบสีฟ้า ก็สามารถดึงตัว มาห์เรซ มาร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 67.8 ล้านยูโร
8.อายเมลิค ลาปอร์ต (ย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้คว้าตัวกองหลัง ลาปอร์ต ชาวฝรั่งเศสมาร่วมทีม พร้อมกับคำถามที่ว่าซื้อมาแล้วจะคุ้มไหม จนในที่สุดตอนนี้เจ้าตัวก็สามารถตอบด้วยผลงานที่ยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักของ เรือใบสีฟ้า ในปัจจุบันไปแล้วด้วยค่าตัวสูงถึง 65.2 ล้านยูโร
9.ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง (ย้ายจาก โปรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป อาร์เซน่อล)
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ในตอนนั้นยังคุมทัพ ปืนใหญ่ ได้ตัดสินใจปล่อยตัว โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าตัวสำคัญให้กับเชลซี พร้อมกับคว้าตัว โอบาเมยอง โดยนำเงินนั้นร่วมกับเงินสโมสรในการคว้าตัวดาวยิงตัวเก่งของ ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมในครั้งนี้ ซึ่งตั้งแต่เกมแรกที่ได้ลงสนามให้กับอาร์เซน่อลดาวยิงชาวบากองก็สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีทีเดียว สมกับค่าตัว 63.7 ล้านยูโร ที่ทางกุนซือทีมได้ทุ่มไป
10.อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ย้ายจาก โรม่า ไป ลิเวอร์พูล)
เกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ในซีซั่นที่ผ่านมาหลังจากที่ ลอริส คาริอุส สร้างความผิดพลาดถึง 2 ครั้ง ในเกมเดียวจนทำให้ทีมพลาดโอกาสคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของลิเวอร์พูลตัดสินใจปล่อยตัว คาริอุส ออกจากทีมในสัญญายืมตัว และพร้อมกับคว้าตัวมือกาวชาวบราซิล อริสซอน เบ็คเกอร์ มาร่วมทีมและยังเป็นนายประตูที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกด้วยค่าตัว 62.5 ล้านยูโร ก่อนที่จะถูก เกป้า ทำลายสถิติลงเพียงไม่กี่วัน
may March 13th, 2019
Posted In: บทความ